เบนเข็มท่องเที่ยว ปรับทิศ คิดถึงอินเดีย


http://www.pattayadailynews.com/images_feature/007_en/0000001289/pic1.jpgนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ลักษณะทางประชากรศาสตร์ดังนี้ หน้าตาคม ผิวเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน กำยำสูงโปร่ง บ้างก็ลงพุง!! ลักษณะทั้งหมดนี้เรามักจะเหมารวมเรียกแทนกันว่า อาบัง หรือ "แขก"การตัดสินเบื้องต้นต่างๆ ทำให้เกิดการมองข้ามจุดเด่น ของนักท่องเที่ยวแดนภารตะเหล่านี้ ไปอย่างน่าเสียดาย คุณลองถามตัวเองดูซิ ว่า นอกจากลักษณะข้างต้น คุณรู้จักประเทศอินเดีย คนอินเดียดีพอแล้วหรือยัง???..

ถ้ายัง...เรามา ทำความรู้จักกันไปพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะ ...ประเทศอินเดีย หรือ ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่สองของโลก รองจากประเทศจีน ถือเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีประชากรมากที่สุด และสำคัญที่สุด คือ มีอำนาจในการซื้อเป็นอันดับที่สี่ของโลก ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก ไม่แพ้ทางด้านฝั่งของยุโรป นอกจากนี้ อินเดียกับไทยยังมีความผูกพันและคล้ายคลึงกันมาก ทั้งในด้านศาสนา ภาษา วัฒนธรรม ศิลปะ และสถาปัตยกรรม สืบเนื่องยาวนานมาเป็นเวลาช้านาน

สกุล เงินที่ใช้ได้แก่ รูปี อัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 รูปี เมื่อเทียบกับเงินไทยจะได้ประมาณ 1.5 บาท ถือว่าไม่แตกต่างกันมาก กลุ่มประชากรมีหลายชนชั้น แต่ชนชั้นกลาง-บน ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามเศรษฐกิจที่เติบโตดี ล่าสุด บริษัทชื่อดังหลายแห่ง อาทิ Ernst & Young, Euromonitor, McKinsey,Technopak ได้เผยแพร่ผลการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคอินเดีย ในแต่ละวัยไว้เป็นที่น่าสนใจ ในวัยกลางคนและวัยเกษียณ ดังนี้

วัยทำงาน (อายุ 25 -- 59 ปี) : ร้อยละ 42 ของประชากร ชาวอินเดียวัยทำงานเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนประชากรมากที่สุดในอินเดีย ทั้งนี้ ปัจจุบันชาวอินเดียนิยมเข้าสู่ตลาดแรงงานเร็วขึ้น จากเดิมที่เริ่มทำงานหลังจากเรียนจบปริญญาโท เป็นเข้าทำงานหลังจบมัธยมปลายหรือปริญญาตรีมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนการเก็บออมมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากชาวอินเดียส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่ใช้จ่ายอย่างระมัด ระวัง เป็นใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมากขึ้น โดยมักใช้จ่ายเพื่อซื้อเสื้อผ้า รับประทานอาหารนอกบ้าน ใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพ นอกจากนี้ ยังพบว่า ปัจจุบันสตรีชาวอินเดียใช้จ่ายเงินได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยเฉพาะสตรีในเขตเมืองที่ได้รับการศึกษาในระดับสูง และนิยมออกไปทำงานนอกบ้านทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนของสตรีในเขตเมืองที่ออกไปทำงานนอกบ้านจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 ในปัจจุบัน เป็นกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2563

วัยเกษียณ (อายุ 60 ปี ขึ้นไป) : ร้อยละ 9 ของประชากร ชาวอินเดียวัยเกษียณเป็นวัยที่กล้าใช้จ่ายมากกว่าวัยอื่น ๆ เนื่องจากมีภาระในการรับผิดชอบต่อครอบครัวลดลง โดยมีการใช้จ่ายเพื่อซื้อเสื้อผ้าเป็นสัดส่วนสูงสุดราวร้อยละ 23 ของการใช้จ่ายทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ การลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (ร้อยละ 21) และการซื้อหนังสือและรับประทานอาหารนอกบ้าน (ร้อยละ 11 - 15) ตามลำดับ รวมทั้งยังนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้นด้วย
"...ตื่นเถิดชาวไทย...อย่ามัวหลับไหล..ลุ่มหลง..." ที่กล่าวเช่นนี้ คงนำมาใช้ในสถานการณ์เศรษฐกิจของเมืองพัทยาในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมา เรามัวแต่คิดว่าฝรั่งชาติตะวันตกเป็นชาติที่กระเป๋าหนัก มีกำลังในการจับจ่ายมากกว่าชาติอื่นๆ แต่คุณเคยเห็นยักษ์ไหม? ที่เมื่อยิ่งตัวใหญ่เพียงใด เมื่อเวลาที่ล้มก็จะยิ่งเสียงดังมากเช่นนั้น จะพรวดพราดลุกขึ้นมาก็ค่อนข้างจะลำบาก

อินเดียมีสภาพอากาศโดยรวมทั่วไปคล้ายประเทศไทย และรักในความเป็นธรรมชาติของเมืองไทย จึงถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก ฉะนั้นกระแส ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในไทยที่เริ่มหันมามองรอบเอเชียเริ่มมาแรง โรงแรมระดับสี่ถึงห้าดาวในเมืองพัทยา ก็เริ่มหันกลุ่มลูกค้าไปสู่ชาติตะวันออกอย่างอินเดียมากขึ้นโดยการเพิ่ม บริการและอาหารเพื่อรองรับกลุ่มคนดังกล่าว

คุณ ชนิกา มหาวงศนันท์ หรือ คุณ มีนา เจ้าของบริษัทร์ทัวร์ Phenoinfin (ฟิโนอินฟิน) เปิดให้บริการมากว่าสามปี ซึ่งลูกทัวร์กว่า 80%เป็นชาติตะวันออกอย่างอินเดีย ขณะอยู่ในงานเลี้ยงส่งลูกทัวร์อินเดียกว่า70 คน ในบรรยากาศ ริมชายหาด บางเสร่ ซึ่งเป็นการจัดงานที่ประทับใจทั้งลูกค้าและทีมงาน เธอได้ให้ความคิดเห็นว่า “กลุ่มทัวร์อินเดียถือว่ามีการจับจ่ายใช้ สอยอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องจะต้องมีเหตุมีผลในการจับจ่าย บางครั้งขึ้นอยู่กับความถูกใจในบริการ ในขณะนี้ยอดการจับจ่าย อาทิ เช่น อัญมณี หรือของฝากราคาสูงอื่นๆ กลุ่มทัวร์อินเดียก็ยังถือว่ามียอดที่สูงติดอันดับอยู่ การทำทัวร์กับกลุ่มอินเดีย อันดับแรกจะต้องเข้าใจถึง พื้นฐานการดำรงชีวิต เช่น การรับประทานอาหาร ก็จะต้องดูแลอาหารพิเศษของพวกเขา ”

ข้อ ได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของการทำทัวร์อินเดีย คือเรื่องของ การสื่อสาร ที่สามารถสื่อเข้าถึงกันได้ง่าย เพราะคนอินเดียส่วนใหญ่จะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ ต่างกับชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ที่มีข้อจำกัดในเรื่องภาษา ทำให้ยุ่งยากในการสื่อสาร

ผล กระทบที่เมืองพัทยาได้รับจากเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองภายในนั้น ถือว่าส่งผลอย่างเห็นได้ชัด คนตกงานเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ลดลง ผู้ประกอบการทุกประเภทในเมืองพัทยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมการท่อง เที่ยว เช่นโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่าง ๆ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันอย่างหนัก การไปโรดโชว์หรือพูดง่าย ๆ คือไปหาตลาดทางยุโรป ก็มักจะเป็นวิธีแรกที่ผู้บริหารทั้งในเมืองพัทยาและระดับประเทศมักจะเลือก โดยมักจะมองข้ามว่าเรามีทางเลือกที่น่าจะง่ายกว่า เราควรปรับกลยุทธ์ใหม่มองประเทศมหึมาอย่างอินเดียให้ทะลุ...







เราต้องการปริมาณ หรือคุณภาพกันแน่?

เรา ต้องการปริมาณ เปรียบง่าย ๆ คือ อินเดียมีประชากร 1100 ล้านคน สมมุติมาเที่ยวพัทยา 1% ก็ 11 ล้านคนมากกว่า 10% ของนักท่องเที่ยวยุโรปทั้งทวีป!! ถ้าเราจะเลือกคุณภาพ ก็ยิ่งต้องให้เครดิตอินเดียอยู่ดี เพราะอินเดียมีประชากรที่เป็นชั้นวรรณะ กำลังซื้อต่างกัน พูดง่าย ๆ คือเศรษฐีอินเดียที่รวย ๆ กล้าใช้จ่ายเงินมากกว่าเศรษฐียุโรป และยังมีจำนวนมากกว่าเสียอีก คิดเสียว่าแต่ละรัฐของอินเดียคือหนึ่งประเทศก็แล้วกัน



ลอง เบนเข็มกันสักนิด ปรับทิศกันซักหน่อย เพลา ๆ สปาเก็ตตี้ หันมากินโรตี กันดีกว่า โรตีมีคลาสตบเท้าเข้ามา ไม่มีต้องมีซีซั่น หน้าโลว์ หน้าไฮน์ ด้วยนะ เชื่อว่าต่อจากนี้ไปใครฉุกคิดได้ก่อน รับรองฟื้นตลาดการท่องเที่ยว แบบระยะยาวได้ไม่ยาก!!!

0 comments:

Post a Comment